ใกล้จะถึงฤดูโต้คลื่นแล้ว หลายๆคนวางแผนกำลังออกไป โต้คลื่นในประเทศไทย หลายคนเคยเรียนโต้คลื่นมาก่อน หลายคนไม่เคยเรียนเลย แล้วเราควรใช้กระดานแบบไหน ที่นี่มีคำตอบ
ในฝั่งอันดามันจะเริ่มมีคลื่นและสามารถโต้คลื่นได้ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมเป็นต้นไป ยกเว้นที่เขาหลักและเกาะพยามที่ปี 2019 คลื่นมีตั้งแต่ต้นเดือนเมษายน
กระดานโต้คลื่นถือว่าเป็นอุปกรณ์ที่มีความสำคัญที่สุดในการเล่นกีฬา เพราะฉะนั้นมือใหม่ เรามาควรทำความรู้จักกับกระดานโต้คลื่นเป็นอันดับแรก โดยในบทความนี้จะไม่ลงลึกไปถึงประเภทของกระดานโต้คลื่น แต่จะให้ข้อมูลและการแยกแยะกระดานโต้คลื่นในเบื้องต้นกันคร่าวๆโดยโฟกัสเนื้อหาไปที่การเลือกใช้สำหรับมือใหม่ให้ถูกต้อง
สำหรับผู้ที่เริ่มต้นโต้คลื่น กระดานโต้คลื่นจะถูกแบ่งเป็น 2 ชนิด
1. กระดานโต้คลื่นแบบ Soft Top
ทุกคนคงจะคุ้นเคยกันดี โดยเฉพาะคนที่เคยเรียนโต้คลื่น เนื่องจากโรงเรียนส่วนใหญ่เลือกใช้กระดานประเภทนี้ในการสอนนักเรียน กระดาน Soft Top แปลตรงตัวคือ กระดานที่วัสดุด้านบนของกระดานมีความนิ่ม ในประเทศไทยโรงเรียนโต้คลื่นส่วนใหญ่นิยมใช้กระดาน Soft Top ยี่ห้อ NSP
ไล่จากทางซ้าย
1. Soft Fun board ความยาวอยู่ที่ 7"4
2. Soft Wide 8"4 , 9"2
3. Soft Longboard ( Surf School เลือกใช้มากที่สุด ) 9"2 , 10"2
ข้อดีของกระดานโต้คลื่นแบบ Soft Top
1. เน้นความปลอดภัย เหตุผลที่โรงเรียนต่างๆเลือกใช้ประเภทนี้เนื่องจากมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุต่อร่างกายนักเรียนน้อยที่สุด
1.1 พื้นผิวบนกระดานโต้คลื่นด้านบน ( Crocodilr Textured Sofr Top Deck )เป็นแบบโฟมมีความนุ่มลดแรงกระแทก เมื่อร่างกายล้มลงกระแทกบนบอร์ดจะช่วยลดการบาดเจ็บ
1.2 บริเวณหัว ( Nose ) และท้าย ( Tail ) มีการติดยาง ( Solid Rubber ) ซึ่งช่วยลดการบาดเจ็บเมื่อบอร์ดพุ่งใส่
1.3 ฟินแบบยืดหยุ่น ปกติแล้วสำหรับกระดานโต้คลื่นทั่วไปจะใช้ฟินที่มีความแข็งและคม ซึ่งอาจะเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย สามารถบาดและเกิดอุบัติเหตุต่อร่างกายได้ง่าย กระดานประเภท Soft Top ส่วนใหญ่ จะใช้ฟินแบบพลาสติก ยืดหยุ่นได้ ซึ่งมีลักษณะไม่คม เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิด
2. กระดานโต้คลื่นแบบ Soft Top เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่มีประสบการณ์ สามารถจับคลื่นได้ง่าย สาเหตุมาจากวัสดุภายในกระดานโต้คลื่นซึ่งประกอบไปด้วย EPOXY เรซิ่น โฟมและส่วนประกอบอื่นๆที่มีน้ำหนักเบา ทำให้กระดานโต้คลื่นแบบโฟมลอยมากกว่ากระดานโต้คลื่นวัสดุอื่น เล่นฟองขาวได้สบายๆจับคลื่นได้เกือบทุกรูปแบบ
3. สามารถทรงตัวยืนได้ง่าย เหมาะแก่การฝึกฝน และพื้นกระดานโต้คลื่นแบบโฟมช่วยทำให้เราึดเกาะยืนได้ง่ายไม่ล้มนั่นเอง
แต่ข้อเสียของกระดานโต้คลื่นแบบ Soft Top คือ
1. น้ำหนักเยอะ ซึ่งทำให้การถือลงหาดค่อนข้างเป็นไปได้ยาก โดยเฉพาะผู้หญิงตัวเล็กอาจถือไม่ไหว
2. ราคาค่อนข้างสูง
3. ไม่สะดวกสำหรับการเดินทาง การใส่กระดานแบบ Hard Board ( กระดานแบบแข็ง ) อาจยังพอใส่ในรถได้ แต่สำหรับกระดานแบบ Soft Top ค่อนข้างหนาและกินพื้นที่ เอาใส่รถยากมากๆ
4. พายฝ่าคลื่นใหญ่ออกไปค่อนข้างยาก เนื่องจากวัสดุเป็นโฟมเมื่อเจอคลื่นก็อาจจะซัดและทำให้เราไม่สามารถฝ่าออกไปได้
* ความคิดเห็นส่วนตัวจากผู้เขียน กระดานโต้คลื่นแบบ Soft Top และแบบโฟมจึงเหมาะสำหรับการใช้เช่ายืมที่โรงเรียน ไม่เหมาะสำหรับการซื้อไว้ใช้งานส่วนตัว และ เหมาะสำหรับคนที่ไม่มีประสบการณ์การโต้คลื่น หรือคนที่ยังเล่นไม่ค่อยเก่ง คนที่ยังไม่สามารถคอนโทรลและบังคับทิศทางได้ ใช้กระดานแบบSoft Top เพื่อลดความอันตรายทั้งแก่ตนเองและผู้อื่นนะครับ
Tips สำคัญมาก สิ่งที่พบเห็นกับบ่อยคือการที่นักเรียน ชอบโยนกระดานโต้คลื่น อยากบอกว่า ราคาของกระดานโต้คลื่นด้านบนนั้นมีราคาเฉลี่ย 16,000 - 24,000 บาท เพราะฉะนั้น หากเช่าหรือยืมจากโรงเรียนต่างๆพยายามทะนุถนอมวางเบาๆ กระดานประเภทนี้ถ้าหักจะซ่อมไม่ได้นะครับ และหากใครที่เช่าเห็นอาการผิดปกติเช่นใต้ท้องมีอาการหักงอ ก็ต้องรีบแจ้างเจ้าหน้าที่ไม่งั้นจะโดนเสียค่าปรับตอนมาคืนนะครับ
ข้อมูลเพิ่มเติม สำหรับทางเลือก ในประเทศไทยหลังจากที่ได้มีการเปิดตัวที่จำหน่ายอุปกรณ์กีฬาอย่าง Decathlon ซึ่งปัจจุบันมีทั้งสาขากรุงเทพและจังหวัดภูเก็ต Decathlon ได้จัดจำหน่าย Surfboard ภายใต้ชื่อ OLAIAN ซึ่งมีลักษณะเป็นโฟม ลวดลายใต้บอร์ดสวยงาม ในราคาเพียง 7000 - 7500 บาท
แต่ขอแนะนำว่า กระดานรุ่นนี้เหมาะสำหรับเด็ก หรือผู้ใหญ่ที่มีน้ำหนักเบาเท่านั้นนะครับ เหมาะสำหรับคลื่นเล็กๆ สนุกสนาน ไม่เหมาะกับการโต้คลื่นจริงจัง แต่ถ้าซื้อให้เด็กเล่นขำๆตัวนี้คุ้มค่าเลย
สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.decathlon.co.th
2. กระดานแบบ Hard Board หรือกระดานแบบแข็ง
กระดานโต้คลื่นแบบแข็งเป็นกระดานโต้คลื่นที่นักโต้คลื่นใช้กันทั่วไป โดยจะใช้วัสดุหลักๆคือ Fiberglass PU หรือ Epoxy ซึ่งจะเป็นพื้นผิวสัมผัสที่แข็ง เหมือนเคาะประตู เคาะกระดานดำในโรงเรียน ด้านในก็ยังมีส่วนประกอบของโฟม
ตามร้านเช่ากระดานโต้คลื่นต่างๆ ก็มักจะมีกระดานประเภทนี้ให้เช่าเช่นกัน
ข้อดี
1. สามารถโต้คลื่นได้เร็วกว่า เคลื่อนไหวได้คล่องกว่ากระดานโต้คลื่นแบบโฟม
2. สามารถฝึกฝนการโต้คลื่นได้ดียิ่งกว่า ซึ่งปกติแล้วในการโต้คลื่นจะมีท่าทางต่างๆ เช่นการ Hang Five การก้าวขาแบบไขว้ ( รออ่านในบทความถัดๆไป )
3. ราคาใกล้เคียงกับกระดานโต้คลื่นแบบโฟม แต่สามารถขายต่อได้ราคาที่โอเค
ข้อเสีย
1. สำหรับมือใหม่ หากไม่สามารถคอนโทรลกระดานโต้คลื่นได้ อาจทำให้กระดานโต้คลื่นหลุดไปกระแทกคนอื่นที่อยู่ในน้ำ ทำให้เกิดอันตรายได้ เช่นหัวแตก จมูกหักเป็นต้น
2. กระดานโต้คลื่นแบบแข็ง หากเราไม่สามารถทรงตัวได้ อาจล้มและกระแทกจนบาดเจ็บได้
3. จับคลื่นยากกว่า กระดานโต้คลื่นแบบโฟม
4. กระดานโต้คลื่นแตกหักได้ง่าย เช่น การวางบนพื้นปูนแบบไม่ระวังก็อาจจะแตกได้ การชนกับคนอื่นก็อาจทำให้ เกิดร่องรอยต่างๆได้
5. ไม่เหมาะสำหรับการเล่นฟองขาวหรือที่ตื้น เพราะมีความเสี่ยงที่กระดานโต้คลื่นจะปักลงบนพื้นและอาจทำให้กระดานโต้คลื่นหักได้
* สำหรับกระดานโต้คลื่นแบบแข็ง หากเราเช่าและเล่นจนเกิดบาดแผล ค่าซ่อมเมื่อบอร์ดเป็นรอยแตก เริ่มต้นที่ 500 บาท หัวหรือ Nose ของบอร์ดแตก เริ่มต้นที่ 1000 บาท. กระดานโต้คลื่นหัก 2 ท่อน อาจจำเป็นต้องจ่ายในราคาตามเงื่อนไข เพราะฉะนั้นตอนเช่าอย่าลืมอ่านเงื่อนไขและตรวจสอบสภาพก่อนลงเล่นน้ำ
สรุปคือ อย่างก็ตามกระดานโต้คลื่นแบบ Hard Board เหมาะสำหรับคนที่เริ่มมั่นใจจากการฝึกฝนกระดานแบบโฟมจนชำนาญแล้ว สามารถยืนได้แล้ว ควบคุมกระดานโต้คลื่นได้แล้ว เพราะยังไงก็ตามการโต้คลื่นจริงๆต้องใช้กระดานโต้คลื่นแบบนี้อยู่แล้ว ยังไงจึงควรเล่นด้วยความระมัดระวังและหมั่นฝึกฝนเสมอๆนะครับ
Tips กระดานโต้คลื่นแบบ Hard Board จำเป็นที่จะต้องใช้ Wax ทา บนกระดานโต้คลื่น เพื่อให้เกิดความหนืดยึดติดเวลายืน ไม่ให้ลื่นครับ ร้านให้เช้าส่วนใหญ่จะทาให้ก่อนลงน้ำ แต่ถ้าบนกระดานไม่มีแวกซ์ไม่สามารถเล่นได้และจะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่ายอีกด้วย
เป็นยังไงกันบ้างครับ ผมหวังว่าข้อมูลเล็กๆน้อยๆเหล่านี้จะช่วยให้เพื่อนๆที่พึ่งเริ่มต้น เข้าใจเรื่องของการไปเช่าและเลือกใช้กระดานมากยิ่งขึ้นนะครับ และที่สำคัญเราสามารถใช้มันได้อย่างถูกวิธี
บทความทั้งหมดนี้ตั้งใจเขียนเพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงกีฬาโต้คลื่นได้ง่ายมากยิ่งขึ้นนะครับ สามารถนำไป Share และบอกต่อได้นะครับ กรุณาให้เครดิตด้วยเด้อ โดยบทความทั้งหมดนี้เขียนด้วยประสบการณ์ตัวเองหากมีเนื้อหาตรงไหนผิดพลาดหรือคลาดเคลื่อนกรุณาติดต่อแจ้งมาได้เลยนะครับ ยินดีมาก
ฤดูโต้คลื่นที่เมืองไทยใกล้มาถึงแล้ว ตอนนี้เราโต้คลื่นได้ทั้งที่หัวหิน ระยอง จันทบุรี นครศรีธรรมราช สงขลา ภูเก็ต มีหลายที่มากๆ ส่วนใครที่อยากลองมาโต้คลื่นกับพวกเรา อ่านข้อมูลคอร์สเรียนโต้คลื่นพร้อมที่พักได้ที่ www.facebook.com/BettersurfThailand และฝากติดตามบทความหน้ากันด้วยนะครับ สนุกมากๆ บอกไว้เลย ขอบคุณครับ
เขียนโดย ทวีโรจน์ เอี๋ยวพานิช เจ้าของเพจ Surfer's Holiday และ Better Surf Thailand's Founder